Thailand - Chiang Mai

English version currently unavailable. We're still in the process of translating every article.

เราเป็นคนกรุงเทพ เคยไปเชียงใหม่ครั้งแรกในชีวิตกับเพื่อนเมื่อตอนเรียนมหาลัยปี 4 ครั้งนั้นไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่เพราะมันหนาวเกินเลยไม่ค่อยสนุก ส่วนตัวเป็นคนขี้หนาวมาก คือหนาวกว่าชาวบ้าน หนาวจนไม่อยากทำอะไร หนาวจนไม่คิดจะมาเชียงใหม่อีกเลย และแล้ว คุณแฟนก็ชวนมาเชียงใหม่อีกครั้ง เพราะนางเคยอยู่เชียงใหม่มา5-6เดือนและนางชอบที่นี่มากก็เลยพาเรากลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่หนาวแล้วค่ะ อากาศสบายๆ เลยรู้สึกโอเคขึ้นมาหน่อย 

เรามาพักกันที่นี่ค่ะ วิวดอย แมนชั่น เนื่องจากแฟนเคยอยู่ที่นี่มาก่อนก็เลยไม่ได้ลำบากหาห้องที่อื่น ปกติห้องธรรมดาจะอยู่ที่คืนละ 5-600 บาท ส่วนห้องสูท คืนละพัน จะมีห้องนั่งเล่นและห้องครัวแยกออกมา ห้องธรรมดาเต็มก็เลยได้พักห้องสูท 

และคุณแฟนพามานั่งทำงานที่นี่ค่ะ pun space เป็น coworking place คนไทยส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักกัน ส่วนมากก็จะมีพวกฝรั่งที่ทำงานออนไลน์ชอบมานั่งทำงานที่นี่กัน เพราะเน็ตไวเน็ตแรง และจะได้พบปะผู้คน แลกเปลี่ยนสังคมกัน 

มาว่ากันด้วยเรื่องของของกิน ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้นแต่เป็นร้านที่ส่วนใหญ่แฟนพาไปกินแล้วรู้สึกโอเค เริ่มแรก ก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้าน อองตอง ร้านประจำของคุณแฟนเลย อยู่ข้างๆ pun space นั่นแหละค่ะ ลองสั่งมาหลายอย่างแล้ว อาหารที่นี่ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว ราคาอยู่ที่ประมาณ 50-100 บาท ไม่แพงเว่อจนเกินไป ถ้าเทียบกับคุณภาพอาหารถือว่าโอเคเลยค่ะ 

ร้าน สลัดคอนเซป เพื่อนแฟนชวนมากินค่ะ คนเต็มเกือบทุกโต๊ะ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ว่าใครจะสั่งอะไรมาก็ดูน่ากินทั้งนั้น เอ๊ะหรือว่าเราหิว แฟนสั้งอะไรสักอย่างมาจำชื่อไม่ได้ นางกินไม่หมด แต่เรากลับชอบเฉย อย่าให้ทำรีวิวอาหารเลยค่ะ เพราะสำหรับเรา อะไรก็จะอร่อยไปซะหมด 

เก้าเก้า หมูจุ่ม บุฟเฟ่ ด้วยราคา 99 บาท ตามชื่อร้าน บรรยากาศโอเค ร้านไม่ใหญ่มาก ของก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เนื้อของที่นี่หมักได้นุ่มมาก นุ่มละลายในปาก บางทีก็คิดว่านุ่มเกินไปมั้ย อยากเคี้ยวบ้างไรบ้าง ฮ่าา 

Conner Bistro อยู่ตัวหัวมุมตามชื่อร้านเลยค่ะ ย่านสันติธรรมเช่นเดิม พอดีแฟนรู้จักกับพี่เจ้าของร้านที่นี่ ก็เลยจะแวะไปนั่งบ่อยๆ เฟรนฟรายร้านนี้เป็นอะไรที่ประทับใจที่สุดตั้งแต่เคยกินเฟรนฟรายด์มา คือกรอบนอกนุ่มในของจริง 

วันนี้มีข่าวบอกว่าจะมีฝนดาวตก เราก็เลยขี่มอไซขึ้นไปบนดอยสุเทพ อากาศเริ่มๆจะหนาว รอไปสักพักก็ไม่เห็นจะมีฝนดาวตกมาสักที แฟนเลยเปลี่ยนใจจะไปดูสตาวอแทน ทันใดนั้นเราก็เห็นฝนดาวตกผ่านไปแว้บๆ เร็วมาก อย่าว่าแต่ถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอเลย แค่จะหยิบกล้องยังไม่ทัน 

ลงจากดอยสุเทพ ตรงไปยังห้างมายา แฟนเดินเข้าไปซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาส ที่นั่งละ 400 บาทไทย รวมน้ำและป็อบคอน โถ พ่อคุณ นี่เราไม่ได้มาเดทแรกนะ ไม่ต้องเปย์ชั้นขนาดนี้ก็ได้ ส่วนตัวคิดว่ามันแพงเกินใช่เหตุ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ดูหนังชั้นเฟิร์สคลาส มันก็จะตื่นเต้นหน่อยๆ สักพักก็จะมีพนักงานมาเสริฟป็อบคอน เอิ่มน้องค่ะ หนังเล่นไปครึ่งเรื่องแล้วพึ่งจะมา TT 

ร้าน Havana บาร์ ร้านประจำคุณแฟนอีกหล่ะ นางเคยมาบ่อยสมัยเป็นปาร์ตี้บอย เพราะราคาจัดว่าถูก วอสก้า 3 ชอต 100 บาท อ่านไม่ผิดค่ะ ที่อื่นนี่ช็อตละ ร้อยอัพ นี่ได้ถึงสามช็อตกันเลยทีเดียว ไวน์แดง แก้วละร้อยงี้ ถ้าเป็นกรุงเทพมี2-3ร้อยอัพ 

จากนั้นก็มาต่อที่ร้านข้างๆกัน สถานที่ปาร์ตี้ที่รู้จักกันดีของเชียงใหม่คงหนีไม่พ้น ซุย หรือ โซอี้ เสร็จแล้วก็ไปต่อ สไปซี่ ตามสเต็ป ตื่นเช้ามาแฮงค์โอเวอร์มาก และแฟนนัดเพื่อนไปแกรนด์แคนยอนตอน 9 โมง โนจ้าา ไม่ไหว ขอนอนต่อแปบ เลื่อนไปตอนบ่ายแล้วกัน 

ตื่นมาอีกทีเที่ยง พรุ่งนี้ก็จะกลับกรุงเทพแล้ว ฉะนั้นพลัดไม่ได้นี่เป็นโอกาศสุดท้าย และแล้วความอยากเที่ยวชนะค่ะ ลุกขึ้นมาแต่งตัวและเรียกอูเบอร์จากสันติธรรมไปหางดง ประมาณ30นาทีก็ถึงแกรนด์แคนยอน ค่าเข้าคนละ 450 เล่นได้เต็มวัน แต่ถ้าจะไม่เล่นน้ำก็เสียครึ่งราคาเหลือ200บาท พื้นที่ค่อยข้างใหญ่มากๆ แต่เปิดให้เล่นแค่ส่วนเดียว เหมือนส่วนอื่นน่าจะยังสร้างไม่เสร็จ 

เหมือนเป็นสวนน้ำผู้ใหญ่ มีสไลด์เดอร์ ปีนเขาจำลอง ลอยตัว ที่เจ๋งสุดๆก็คือ ไลฟ์กาด หรือ พนักงานที่ดูแลสระ จะกระโดดลงจากที่สูงลงมายังเบาะลม แล้วเด้งให้ฝั่งตรงข้ามลอยตกไปในสระน้ำ ให้แฟนลองเพราะเราใจไม่ถึงพอ  

สระเด็กก็มีค่ะ แต่วันที่ไปไม่มีเด็กๆเลย มันก็จะเงียบๆหน่อย 

ความสนุกสนานผ่านไป ถึงเวลากลับที่พัก ปกติจะมีรถตู้รถสองแถวเข้าเมืองแต่ต้องจองกับทางเจ้าหน้าที่ไว้แต่แรก เราก็คิดว่าจะกลับอูเบอร์กันเหมือนเดิมเลยไม่ได้จอง แต่ปรากฏว่า ไม่มีอูเบอร์มารับจ้า บางคันกดรับแล้วก็แคนเซิล เราเลยตัดสินใจซ้อนท้ายมอไซเพื่อนแฟนกลับ (คนละคันกันแฟน) ออกมาไม่ทันไร เจอทางลาดเป็นปากเหวเล็กๆ เพื่อนแฟนหันมาคุยกับเราไม่ทันมองทาง หันไปอีกที บู้ม แหกค่ะ โชคดีที่เบรคทัน ไม่งั้นชนคันหน้าแน่ๆ ด้วยความที่ไม่มีหมวกกันน็อค เราล้มหัวฟาดพื้น ปวดหัวหนักมาก ชาไปพักหนึ่ง หน้า ไหล่ แขน และ เข่าสองข้างถลอก ส่วนเพื่อนแฟนซึ่งเป็นคนขับก็พอๆกัน เรากลับเข้าไปที่แกรนด์แคนยอน เพื่อไปขอปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นก็ลองเรียกอูเบอร์อีก คราวนี้โทรไปอ้อนวอนกับอูเบอร์ให้มารับไปส่งโรงพยาบาล พร้อมบอกว่าจะให้ทิป สรุปลุงอูเบอร์ก็เลยยอมมารับ ไปถึงโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม พยาบาลก็ทำแผลใหม่อีกรอบ แสบแล้วแสบอีก TT แฟนจะให้เราสแกนสมองเพราะเห็นว่าเราล้มหัวฝาดพื้น หมอบอกว่า ถ้าไม่ถึงกับสลบก็ไม่จำเป็นต้องสแกนสมองก็ได้ แต่แฟนไม่สบายใจ สุดท้ายก็ต้องยอมนาง โดนไปเกือบหมื่นค่ะ เฉพาะค่าสแกนสมองอยู่ที่หกพัน ถ้าใครไม่อยากเสียตังกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ที่หลังใส่หมวกกันน็อคเถอะค่ะ นี่เข็ดเลยจริงๆ 

ซึ้งคุณแฟนมาก ดูแลทุกอย่าง ถอดถุงเท้ารองเท้าให้ สระผมไดร์ผมให้ (ไม่ได้อาบน้ำเพราะแผลห้ามโดนน้ำ) เอาแปรงสีฟันมาให้แปรงถึงบนที่นอน คนเราจะเห็นใจกันก็ตอนป่วยนี่แหละค่ะ