Au Pair's Life in USA
English version currently unavailable. We're still in the process of translating every article.
Life in USA
อย่างที่กล่าวไปในโพสที่แล้วว่าเรามาอเมริกาโดยการผ่านโครงการออแพร์ (Au Pair) พอมาถึงที่อเมริกา ไม่ว่าบ้านโฮสจะอยู่เมืองไหนก็ตาม เครื่องบินก็จะมาลงที่สนามบิน JFK ที่ new york city เป็นที่แรก จากนั้นก็จะมีรถมารับไปอบรมที่โรงแรมอีกเมืองหนึ่ง คือเมือง New-Jersey จะมีออแพร์จากทั่วโลกเข้าร่วมอบรมด้วย เป็นเวลา 3วัน 2คืน อารมณ์เหมือนเก็บตัวนางงาม จัดในโรงแรมหรู มีบุฟเฟ่อาหารฝรั่ง ฟังบรรยาย ทำกิจกรรมต่างๆกับเพื่อนๆ มีเทรนเกี่ยวกับการดูแลเด็กในช่วงวัยต่างๆ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำ CPR เป็นต้น ส่วนตัวเราค่อนข้างเบื่อนิดหน่อยเพราะไปแรกๆฟังภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลยไม่ค่อยสนุก และใจก็อยากไปเจอเด็กๆเต็มทีแล้ว โรงแรมที่จัดอบรมอยู่เมืองเดียวกันกับบ้านโฮสเลยให้โฮสมารับ ถ้าใครอยู่คนละเมืองก็ต้องนั่งเครื่องบินไปอีกทีค่ะ
โฮสแฟมิลี่และเด็กๆ
(บ้านของโฮสที่เราอยู่ด้วยค่ะ บรรยากาสก็เหมือนในหนังฝรั่ง ไม่มีรั้วกันใดๆแบบบ้านเรา)
ตอนแรกได้โฮสเป็นพ่อม่าย คนเกาหลีสัญชาติอเมริกัน มีลูก2คน โฮสอยากได้ออแพร์สองคนเพราะไม่มีเวลาดูลูกเลย พูดง่ายๆว่าต้องการให้ดูแลลูกเค้าทั้งวันทั้งคืน เลยต้องใช้ออแพร์สองคนสลับกันเลี้ยง โฮสก็จะจัดห้องนอนส่วนตัวให้คนละห้อง เป็นโชคดีของเราที่ได้มีเพื่อนคนไทยอยู่ด้วยทำให้เราไม่เหงาเลย และด้วยความที่โฮสเป็นเอเชีย ก็จะพาเราไปกินแต่อาหารเอเชียๆ แล้วส่วนมากเราก็จะทำอาหารกินเอง เลยไม่มีปัญหาในเรื่องของอาหารการกิน จริงๆเรื่องอาหารนี่สำคัญมาก สำหรับคนที่กินยากหน่อย เพราะฟาสฟู้ด ชีส เนย ขนมปัง กินไม่กี่วันก็เบื่อ แล้วจะคิดถึงอาหารไทยมากๆ เป็นหนึ่งในปัญหาหลักๆของออแพร์หลายๆคนเลยทีเดียว ควรจะฝึกทำอาหารไว้ก็ดีค่ะ
มาพูดถึงเด็กที่เราดูแลกันบ้างค่ะ คนเล็กอายุ 9 เดือน ชื่อโคเท่น และคนโต 4 ขวบ ชื่อเคเดน เด็กสองคนนี้น่ารักมากๆ เลี้ยงง่าย รักและเชื่อฟังเรา คนโตฉลาดมากถึงมากเกินไป55 ด้วยความที่พ่อแม่เลิกกัน เด็กก็จะค่อนข้างมีปัญหา ก็จะเรียกร้องความสนใจหน่อยๆ เวลาอยู่กับพ่อบอกรักพ่อ ไม่รักแม่ เวลาอยู่กับแม่บอกรักแม่ ไม่รักพ่อ (เอ้า ไหงอย่างงั้นละลูก) อ้อนพี่เลี้ยง อยากให้เรารัก อยากให้เราอยู่กับเค้า ก็จะทำดีและเชื่อฟังเรา ก็เป็นโชคดีของเราไป ส่วนคนเล็กยังพูดไม่ได้ก็จะไม่มีอะไรมาก ส่วนตัวเราชอบเด็กเล็กมากกว่า ก็จะรักคนเล็กเหมือนลูก รักคนโตเหมือนหลาน แต่เวลาให้อะไรก็จะให้เหมือนๆกัน ต้องแสดงออกว่ารักเท่าๆกัน มีพี่เลี้ยงสองคนก็เทคไปเลย คนละคน แฟร์ๆ
่(สภาพห้องของเล่นเด็กก็จะรกๆอย่างที่เห็นค่ะ จะปล่อยให้เล่นไปเลยทั้งวันแล้วจะเก็บที่เดียวในตอนกลางคืน)
ระหว่างที่อยู่นี่พ่อแม่เด็กก็ขึ้นศาลกันมาตลอด แม่เด็กฟ้องเอาลูกไปเลี้ยง สุดท้ายพ่อเด็กล้มละลาย ไม่มีเงินสู้คดี ไม่มีเงินจ้างออแพ เลยต้องยกเลิกออแพร์ ดราม่าอย่างกับในละคร ความซวยก็เลยมาตกที่เรา ต้องแยกกับออแพร์อีกคนเพราะต่างคนต่างต้องไปหาบ้านใหม่ เรามีเวลาหาบ้านใหม่สองอาทิตย์ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องกลับไทย สุดท้ายหาไม่ได้จ้า เลยลองขอแม่เด็กไปทำงานด้วย ปรากฏว่านางโอเค ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เราได้ทำงานทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโฮสแม่ให้เราทำงานพิเศษเป็นช่างต่อขนตาที่ร้านเสริมสวยของนาง จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงนี้ เพราะเราได้เรียนรู้อะไรหลายๆเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ได้มีวิชาติดตัว ได้ฝึกภาษามากขึ้นจากลูกค้าฝรั่ง และที่สำคัญรายได้ก็เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว
เป็นออแพร์ต้องทำอะไรบ้าง?
ตามข้อตกลงออแพร์จะต้องทำงาน45ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สัปดาห์ละ $195 หรือ $780 ต่อเดือน (ประมาณ 26000-27000 บาท/ต่อเดือน) และมีข้อบังคับว่าเราจะต้องลงเรียนอะไรก็ได้ เพราะเราจะได้j1วีซ่า ซึ่งเป็นวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยนค่ะ โดยโฮสจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้$500ตามกฏ ถ้าคอร์สเรียนที่เราต้องการจะลงเรียนมีราคามากกว่า$500นั้น เราก็จะต้องออกค่าใช้จ่ายส่วนต่างเอง หรือบางบ้านถ้าโฮสใจดีหน่อยอาจจะช่วยออกให้ก็ได้ค่ะ ส่วนจะเริ่มและเลิกงานกี่โมงหรือจะหยุดวันไหน อันนี้แล้วแต่จะตกลงกันกับโฮสแฟมิลี่ค่ะ บางบ้านก็อาจจะพลัดกันเลี้ยงกับพ่อแม่เด็ก แต่สำหรับบ้านเราอย่างที่บอกค่ะว่ามีออแพร์2คนก็จะพลัดเวรกันเช้าเย็น และตอนที่เหลือออแพคนเดียวแล้วก็จะพลัดกันกับแม่เด็กค่ะ
เราจะดูแลเด็กตั้งแต่ตื่นนอน พาไปแปรงฟัน เปลี่ยนแพมเพิส และหาเอาหารเช้าให้เด็กๆ เสร็จแล้วก็เครียทำความสะอาดโต้ะอาหาร ล้างจาน จัดหาเสื้อผ้าให้เด็กเปลี่ยน เตรียมกระเป๋า ของว่าง ข้าวกล่อง และพาเด็กไปส่งที่โรงเรียน หลังเลิกเรียนก็ไปรับแล้วเตรียมอาหารเย็น เช่น ข้าวต้ม ข้าวห่อสาหร่าย ข้าวผัด ผัดมักกะโรนี สปาเก้ตตี้ ถ้าวันที่เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนก็มีทำอาหารหลางวันเพิ่ม และ พาเด็กนอนกลางวัน ตื่นมาก็เตรียมอาหารเย็นวนไปค่ะ พูดง่ายๆหน้าที่หลักก็คือเป็นแม่ครัว
ระหว่างที่เราทำอาหารหรือทำความสะอาดหลังจากกินเสร็จ ก็จะให้เด็กรีแลกซ์ไปพลางๆเช่น เล่นบ้างดูทีวีบ้าง หลังจากนั้นก็จะพาเด็กทำการบ้าน อาบน้ำแปรงฟัน และอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน อ่อ เรานอนกับเด็กด้วย ความจริงไม่จำเป็นก็ได้แต่อันนี้ความชอบส่วนตัวค่ะ ไม่คิดค่าชั่วโมงเพิ่มแต่อย่างใด ว่างๆโฮสก็จะพาเด็กๆไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง เช่นไปทะเล ไปสวนสัตว์ ไปสวนสนุก ไปว่ายน้ำ อะไรประมาณนี้ เราจะไปหรือไม่ไปก็ได้แต่เราก็ไปหมดค่ะ ถือว่าเป็นการไปเที่ยวด้วยในตัว
เวลามีเทศกาลสำคัญต่างๆของอเมริกาก็ต้องพาเด็กๆไปทำกิจกรรมเพื่อให้เด็กๆได้เรียนรู้วัฒนธรรมหรือวันสำคัญต่างๆ เช่น วันชาติอเมริกา คริสมาสต์ ฮาโลวีน อิสเตอร์ ฯลฯ จริงๆเราก็ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกับเด็กด้วย ก็ถือว่าสนุกไปอีกแบบค่ะ
**รูปจากโทรศัพท์มือถือ samsung note3 (กล้องสด ไม่มีการปรับแต่งอะไรใดๆทั้งสิ้น)